HOME.TITLE
สินค้า
ถุงพลาสติก ชริ้งฟิล์ม
ถุงพลาสติก ชริ้งฟิล์ม
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับถุงพลาสติก
ประเภทของเนื้อถุงพลาสติกนั้นมีหลายชนิด แต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อที่จะได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าในการใช้งานสูงสุด เราจึงควรเลือกชนิดของถุงพลาสติกให้ตรงต่อการใช้งานเช่น ถุงบรรจุอาหารร้อน ถุงบรรจุอาหารเย็น ถุงบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักเบา ถุงบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักเบาสูง เป็นต้น
เรามาเริ่มทำความรู้จักประเภทของเนื้อถุง ดังต่อไปนี้
PP: Polypropylene
ถุงชนิดนี้เรามักจะรู้จักกันดี หรือที่เรียกว่าถุงร้อน จะมีลักษณะใสเหนียว ทนต่อความร้อนได้ดี สามารถใช้บรรจุของร้อนได้ถึง
จุดน้ำเดือด ส่วนใหญ่นิยมนำไปใช้ในการบรรจุอาหาร และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
HDPE : High Density polyethylene
เนื้อถุงชนิดนี้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสีขาวขุ่น แต่สามารถปรับเปลี่ยนสีตามความต้องการของลูกค้าได้โดยการผสมแม่สี ถุงชนิดนี้เราจะเรียกกันว่าถุงหูหิ้ว ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำไปบรรจุสินค้า อุปโภคบริโภค และสินค้าชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เพราะถุงชนิดนี้จะมีความเหนียว ทนทานและรับน้ำหนักได้ดี
LDPE: Low Density polyethylene
เนื้อถุงพลาสติกผ่านลม จะมีความใสมากกว่าเนื้อถุงชนิดHDPE แต่จะใสน้อยกว่าเนื้อถุงผ่านน้ำชนิดLLDPEโดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำไปผลิตเป็นฟิล์มหด ถุงน้ำแข็ง ถุงข้าวสาร และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
LLDPE: Linear Low Density polyethylene
เนื้อถุงพลาสติกผ่านน้ำ จะมีความใสและเหนียวเป็นพิเศษ มีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงฉีกขาดได้ดี โดยส่วนใหญ่แล้วจะนำไปใช้ในการบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักสูง เช่นถุงแช่แข็ง ถุงน้ำแข็ง และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
ประโยชน์ของถุงพลาสติก
ถุงพลาสติกส่วนใหญ่นั้นทำมากจากโพลีเอทิลีน(polythylene) หรือที่เรียกกันว่าถุงPE ถุงพลาสติกชนิดนี้มีคุณสมบัติดีมากในการนำมาขึ้นรูปทรงใหม่ รวมถึงปรับขนาดตามความต้องการของเราได้ง่ายอีกด้วย และยังมีความคงทนสูง จึงทําให้ถุงพลาสติกเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลาย โดยเฉพาะการที่นํามาบรรจุสิ่งของที่มีนํ้าหนักมากเช่น ขวดนํ้า อะไหล่รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมของโลก ถุงพลาสติกสามารถนํามาหลอมละลายและขึ้นรูปใหม่ได้ นอกจากนี้ถุงพลาสติกยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม โดยใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าถุงกระดาษ และยังให้ความคงทนที่มากกว่า ราคาซึ่งถูกกว่าถุงกระดาษอีกด้วย โดยกระบวนการผลิตถุงพลาสติกนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจก(Green house effect gas) สู่สิ่งแวดล้อมน้อยกว่าถุงกระดาษ และถุงพลาสติกยังนํามาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าได้โดยการเผาไหม้ถุงพลาสติก และยังพบว่าปริมาณก๊าซซัลเฟอร์(sulphur)ที่เกิดขึ้นหลังจากเผาไหม้มีน้อยกว่าถ่านหิน
ประเภทของเนื้อถุงพลาสติกนั้นมีหลายชนิด แต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อที่จะได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าในการใช้งานสูงสุด เราจึงควรเลือกชนิดของถุงพลาสติกให้ตรงต่อการใช้งานเช่น ถุงบรรจุอาหารร้อน ถุงบรรจุอาหารเย็น ถุงบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักเบา ถุงบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักเบาสูง เป็นต้น
เรามาเริ่มทำความรู้จักประเภทของเนื้อถุง ดังต่อไปนี้
PP: Polypropylene
ถุงชนิดนี้เรามักจะรู้จักกันดี หรือที่เรียกว่าถุงร้อน จะมีลักษณะใสเหนียว ทนต่อความร้อนได้ดี สามารถใช้บรรจุของร้อนได้ถึง
จุดน้ำเดือด ส่วนใหญ่นิยมนำไปใช้ในการบรรจุอาหาร และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
HDPE : High Density polyethylene
เนื้อถุงชนิดนี้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสีขาวขุ่น แต่สามารถปรับเปลี่ยนสีตามความต้องการของลูกค้าได้โดยการผสมแม่สี ถุงชนิดนี้เราจะเรียกกันว่าถุงหูหิ้ว ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำไปบรรจุสินค้า อุปโภคบริโภค และสินค้าชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เพราะถุงชนิดนี้จะมีความเหนียว ทนทานและรับน้ำหนักได้ดี
LDPE: Low Density polyethylene
เนื้อถุงพลาสติกผ่านลม จะมีความใสมากกว่าเนื้อถุงชนิดHDPE แต่จะใสน้อยกว่าเนื้อถุงผ่านน้ำชนิดLLDPEโดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำไปผลิตเป็นฟิล์มหด ถุงน้ำแข็ง ถุงข้าวสาร และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
LLDPE: Linear Low Density polyethylene
เนื้อถุงพลาสติกผ่านน้ำ จะมีความใสและเหนียวเป็นพิเศษ มีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงฉีกขาดได้ดี โดยส่วนใหญ่แล้วจะนำไปใช้ในการบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักสูง เช่นถุงแช่แข็ง ถุงน้ำแข็ง และใช้ในด้านอื่นๆตามความต้องการของลูกค้า
ประโยชน์ของถุงพลาสติก
ถุงพลาสติกส่วนใหญ่นั้นทำมากจากโพลีเอทิลีน(polythylene) หรือที่เรียกกันว่าถุงPE ถุงพลาสติกชนิดนี้มีคุณสมบัติดีมากในการนำมาขึ้นรูปทรงใหม่ รวมถึงปรับขนาดตามความต้องการของเราได้ง่ายอีกด้วย และยังมีความคงทนสูง จึงทําให้ถุงพลาสติกเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลาย โดยเฉพาะการที่นํามาบรรจุสิ่งของที่มีนํ้าหนักมากเช่น ขวดนํ้า อะไหล่รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมของโลก ถุงพลาสติกสามารถนํามาหลอมละลายและขึ้นรูปใหม่ได้ นอกจากนี้ถุงพลาสติกยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม โดยใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าถุงกระดาษ และยังให้ความคงทนที่มากกว่า ราคาซึ่งถูกกว่าถุงกระดาษอีกด้วย โดยกระบวนการผลิตถุงพลาสติกนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจก(Green house effect gas) สู่สิ่งแวดล้อมน้อยกว่าถุงกระดาษ และถุงพลาสติกยังนํามาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าได้โดยการเผาไหม้ถุงพลาสติก และยังพบว่าปริมาณก๊าซซัลเฟอร์(sulphur)ที่เกิดขึ้นหลังจากเผาไหม้มีน้อยกว่าถ่านหิน